Animated Spinning Kunai - Naruto

อักษรวิ่ง

ยินดีต้อนรับสู่บล็อกเเห่งการเรียนรู้

วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2566

เสดสาสสสส



เศรษฐศาสตร์

สรุปเศรษฐศาสตร์


เศรษฐศาสตร์ เป็นวิชาที่ว่าด้วยการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด เพื่อให้ประชาชนเกิดความพอใจมากที่สุด

*ทั้งนี้เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติมีจำกัดขณะที่ความต้องการของมนุษย์มีไม่จำกัด*

อดัม สมิธ (Adam Smith) เป็น บิดาเศรษฐศาสตร์ ชาวสกอตแลนด์

อัลเฟรด มาร์แชล (Alfred Marshall) เป็น บิดาเศรษฐศาสตร์จุลภาค ชาวอังกฤษ

จอห์น เมย์นาร์ด เคนส์ (John Maynard Keynes) เป็น บิดาเศรษฐศาสตร์มหภาค ชาวอังกฤษ

ต้นทุนค่าเสียโอกาส คือ มูลค่าของผลตอบแทนจากกิจกรรมที่สูญเสียโอกาสไปในการเลือกทำกิจกรรมอย่างหนึ่ง

ทรัพยากรทางเศรษฐศาสตร์ หมายถึง ปัจจัยการผลิตที่ก่อให้เกิดการผลิตสินค้าและบริการ ได้แก่ ที่ดิน แรงงาน ทุน และผู้ประกอบการ โดยที่

-          ผู้ที่เป็นเจ้าของที่ดิน  ค่าเช่า
-          แรงงาน ค่าจ้าง 
-          ผู้ที่เป็นเจ้าของทุน  ดอกเบี้ย 
-          ผู้ประกอบการ กำไล

☆เงินไม่ใช่ทุน

ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ มนุษย์มีความต้องการไม่จำกัด ทุกประเทศมีปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เหมือนกันคือ ประเทศจะจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดนั้น

-          จะผลิตอะไร (What) : ควรผลิตสินค้า-บริการอะไร ในปริมาณเท่าใด

-          จะผลิตอย่างไร (How) : โดยใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

-          จะผลิตเพื่อใคร (For Whom) จะกระจายสินค้าบริการไปให้ใคร

☆*.•°.*☆ °•.°•.°☆°°•°.☆°.°•*.••☆•••°

อุปสงค์ (Demand) หมายถึง ความต้องการซื้อสินค้าหรือบริการ

ราคาสินค้าแพงขึ้น อุปสงค์ลดน้อยลง

ราคาสินค้าถูกลง อุปสงค์ก็เพิ่มมากขึ้น

ปัจจัยที่กำหนดอุปสงค์

-          ราคาของสินค้า 
-          รายได้ของผู้บริโภค จะเลือกสินค้าที่ถูกกว่าเสมอ
-          ราคาสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แบ่งเป็น 2 ประเภทสินค้าทดแทนกัน สินค้าที่ใช้ประกอบกัน 
-          รสนิยมของผู้บริโภค 
-          การคาดการณ์รายได้ในอนาคต 
-          ปัจจัยอื่นๆ เช่น ฤดูกาล จำนวนประชากร ฯลฯ

กฎของอุปสงค์ 

“ราคาและปริมาณความต้องการซื้อสินค้าจะมีความสัมพันธ์กันในทิศตรงกันข้าม”

อุปทาน (Supply) ปริมาณความต้องการเสนอขายสินค้า

แพงขึ้น อุปทานมากขึ้น 

ถูกลง อุปทานลดลง

ปัจจัยที่กำหนดอุปทาน

-          ราคาของสินค้า 
-          ราคาของปัจจัยการผลิตหรือต้นทุนการ
-          ราคาสินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
-          เทคโนโลยีในการผลิตสินค้า 
-          การคาดการณ์ในอนาคต 
-          ปัจจัยอื่น เช่น ฤดูกาล ภาษีและเงินอุดหนุน จำนวนผู้ขาย และโครงสร้างตลาดสินค้า

กฎของอุปทาน 

“ปริมาณความต้องการขายสินค้าและราคาสินค้ามีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน”

ภาวะดุลยภาพ (Equilibrium) หมายถึง ระดับราคาที่ผู้ซื้อและผู้ขายเห็นพ้องต้องกัน [akaมีการซื้อขาย]

☆ระดับราคาที่อุปสงค์เท่ากับอุปทาน หรือเส้นอุปสงค์ตัดกับเส้นอุปทาน

          จุดที่ราคาสูงกว่าราคาดุลยภาพจะเกิดอุปทานส่วนเกิน 
          ส่วนจุดที่ราคาต่ำกว่าราคาดุลยภาพจะเกิดอุปสงค์ส่วนเกิน 

นโยบายการกำหนดราคาขั้นต่ำ (Minimum Price Policy)

ช่วยผู้ผลิตให้สามารถขายสินค้าได้สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตร และตลาดปัจจัยการผลิตเช่น ตลาดแรงงาน  หากปล่อยให้กลไกตลาดทำงานโดยเสรีแล้ว จะมีผลให้ราคาดุลยภาพอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ ก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคม รัฐบาลจึงต้องเข้ามาแทรกแซงกลไกตลาดโดยการกำหนดราคาขั้นต่ำ

*กล่าวคือ เป็นการทำให้ราคาของที่มีราคาต่ำเป็นของที่มีราคาสูงขึ้น*

นโยบายการกำหนดราคาขั้นสูง (Maximum Price Policy)

นโยบายกำหนดราคาขั้นสูงมักใช้ในกรณีของสินค้าที่ผู้บริโภคทุกระดับรายได้จำเป็นต้องซื้อ เช่น นมผงสำหรับทารก น้ำตาลทราย น้ามันเบนซิน ฯลฯ เป็นต้น

*กล่าวคือ เป็นการทำให้ราคาของที่มีราคาสูงเป็นของที่มีราคาต่ำลง*



ตลาด (Market) เป็นสถานที่ซึ่งผู้ซื้อและผู้ขายมาติดต่อซื้อขายสินค้าและบริการกัน

ตลาดในทางเศรษฐศาสตร์

-          ไม่ต้องมีสถานที่เพื่อมาตกลงซื้อขายกัน
-          ไม่ต้องมีการพบกัน เช่น ตลาดซื้อขายล่วงหน้า ตลาดหลักทรัพย์

การบริการส่งถึงที่ (Delivery) และ การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-commerce)

ประเภทของตลาด แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

          
ตลาดแข่งขันสมบูรณ์

-          มีจำนวนผู้ซื้อและผู้ขายในตลาดจำนวนมาก

-          สินค้าที่ขายในตลาดมีลักษณะเหมือนกันทุกประการ หลากหลาย
-          ผู้ผลิตหรือผู้ขายสามารถเข้าออกจากตลาดได้อย่างเสรี โดยมีกำไรเป็นแรงจูงใจ

-        ควบคุมราคาไม่ได้

“ในทางเศรษฐศาสตร์ถือว่าตลาดแข่งขันสมบูรณ์เป็นตลาดในอุดมคติ”


ตลาดแข่งขันไม่สมบูรณ์แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ

ตลาดผูกขาด หมายถึง ตลาดที่มีผู้ผลิตหรือผู้ขายเพียงรายเดียว เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การประปานครหลวง

ตลาดผู้ขายน้อยร้าย มีผู้ขายหรือผู้ผลิตจำนวนน้อย ต้องสนใจแนวทางการดำเนินงานของคู่แข่งด้วย
ตัวอย่าง น้ำมัน : ปตท เอสโซ่ บางจาก

          โทรศัพท์มือถือ : ไอโฟน ซัมซุง แบล็คเบอรี่

          รถยนต์ : ฮอนด้า โตโยต้า อิซูซุ

          ซีเมนต์ : ซีแพค ทีพีไอ

ตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด มีผู้ขายหรือผู้ผลิตในตลาดเป็นจำนวนมาก ผู้ผลิตแต่ละรายได้ส่วนแบ่งตลาดน้อย ไมามีอิทธิพลต่อการกำหนดราคา สินค้ามีลักษณะแตกต่างกัน

ตัวอย่าง สบู่ : ลักซ์ นกแก้ว อิมพีเรียล

          ยาสีฟัน : คอลเกต ดาร์ลี่ กลิสเตอร์

          ชาเขียว : อิชิตัน โออิชิ

          ลูกอม : ฮอน คูก้า มายมิ้นท์

          น้ำปลา : ทิพรส ตราปลาหมึก

หน้าที่ของตลาดในเชิงเศรษฐศาสตร์

-          จัดหาสินค้า (Assembling)
-          เก็บรักษาสินค้า (Storage)
-          ขายสินค้า (Selling)
-          กำหนดมาตรฐานของสินค้า (Standardization)
-          การเงิน (Financing
-          การเสี่ยงภัย (Risk)
-          การขนส่ง (Transportation)

การผลิตกับการสร้างอรรถประโยชน์

คำว่า อรรถประโยชน์ (utility) หมายถึงความพอใจที่ผู้บริโภคได้รับจากการบริโภคสินค้าหรือ
บริการชนิดใดชนิดหนึ่ง ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง
โดยทั่วไปการผลิตหรือการสร้างอรรถประโยชน์แบ่งออกเป็น 5 ประเภทดังนี้

1. การสร้างอรรถประโยชน์จากการแปรรูป (form utility) เป็นการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือความพอใจอันเนื่องจากการแปรรูปของปัจจัย
การผลิตหรือวัตถุดิบเพื่อให้เกิดเป็นสินค้า
จากแป้งสาลีเป็นขนมประเภทต่างๆ
จากเม็ดพลาสติกเป็นอุปกรณ์พลาสติก
จากเหล็กและไม้เป็นเฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ

2. การสร้างอรรถประโยชน์ทางด้านสถานที่ (place utility) เป็นการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือความพอใจอันเนื่องจากการเคลื่อนย้ายสินค้า
ได้แก่ การขนส่งสินค้าจากผู้ผลิตมายังร้านค้าส่ง จากร้านค้าส่งมายัง
ร้านค้าปลีก และจากร้านค้าปลีกมายังผู้บริโภค

3. การสร้างอรรถประโยชน์ทางด้านเวลา (time utility) แปรรูปปัจจัยการผลิตหรือ สินค้าและบริการให้มีอายุการใช้งานนานขึ้น  เช่น การถนอมอาหาร

4. การสร้างอรรถประโยชน์ทางด้านกรรมสิทธิ์ (possession utility)
ยินยอมซึ่งกันและกัน เช่น การเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์หรือตราสารทางการเงินประเภทต่างๆ ที่ดิน บ้าน ที่อยู่อาศัย รถยนต์ ฯลฯ

5. การสร้างอรรถประโยชน์ทางด้านบริการ (service utility) เป็นการสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจหรือความพอใจอันเนื่องจากการให้บริการ
โดยตรงแก่ผู้บริโภค ซึ่งได้แก่ การให้บริการทางการแพทย์ การศึกษา การขนส่ง
การธนาคาร การประกันภัย ฯลฯ

ระบบเศรษฐกิจ

ระบบเศรษฐกิจ             หมายถึง การรวมตัวกันเป็นกลุ่มของหน่วยเศรษฐกิจ  เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจและพัฒนาระบบเศรษฐกิจให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น  จะเลือกวิธีใดขึ้นอยู่กับระบบเศรษฐกิจของสังคมนั้น โดยทั่วไปนิยมแบ่งระบบเศรษฐกิจออกเป็น 4 ระบบ ดังนี้

1.ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ (Communism) ระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐบาลเป็นเจ้าของทรัพยากรต่างๆ รวมทั้งปัจจัยการผลิตทุกชนิด  รัฐบาลเป็นผู้ประกอบการและทำหน้าที่จัดสรรทรัพยากรต่างๆ หน่วยธุรกิจและครัวเรือน จะผลิตและบริโภคตามคำสั่งของรัฐ กลไกราคาไม่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ จะมีลักษณะเด่นอยู่ที่การรวมอำนาจทุกอย่างไว้ที่ส่วนกลาง
 ข้อดี
 จุดเด่นของระบบเศรษฐกิจแบบคอมมิวนิสต์ก็คือ เป็นระบบเศรษฐกิจที่ช่วยลดปัญหาความเหลื่อมล้ำประชาชนแต่ละคนเเท่าเทียมกัน
 ข้อเสีย
 ประชาชนไม่มีเสรีภาพที่จะผลิตหรือบริโภค

2.ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม
ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่เปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปเลือกตัดสินใจดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามความสามารถและโอกาสของตนโดยอาศัยตลาดและราคาในการเลือก โดยรัฐหรือเจ้าหน้าที่จากส่วนกลางมีบทบาทเกี่ยวข้องน้อยมาก
ลักษณะสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ได้แก่
- ทรัพย์สินและปัจจัยการผลิตเป็นของเอกชน 
- เอกชนเป็นผู้ดำเนินการกิจกรรมทางเศรษฐกิจ โดยผ่านกลไกราคา และมีกำไรเป็นแรงจูงใจ            - มีการแข่งขันเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจ
- รัฐไม่เข้าแทรกแซงทางเศรษฐกิจ มีบทบาทเพียงการรักษาความสงบเรียบร้อย ความยุติธรรม 
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม              คือ ประชาชนสามารถใช้ความรู้ความสามารถ โอกาส ความคิดริเริ่ม ของตนในการผลิตและบริโภคเพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของตนได้อย่างเต็มที่
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม คือ จากความสามารถและโอกาสของบุคคลที่แตกต่างกัน ทำให้มีระดับรายได้แตกต่างกัน นำไปสู่ปัญหาการกระจายรายได้ระหว่างคนรวยกับคนจน ส่วนการผลิตในระบบทุนนิยมเป็นที่มาของการแข่งขันกันผลิต นำไปสู่การทำลายทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติจนกลายเป็นปัญหาของโลกในปัจจุบัน
ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น อังกฤษ สิงคโปร์

ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม
ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เป็นระบบเศรษฐกิจที่รัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิต วางแผนและควบคุมการผลิตบางประเภท โดยเฉพาะการผลิตที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชน เช่น การสาธารณูปโภค  เอกชนถูกจำกัดเสรีภาพในกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะส่วนที่เป็นผลประโยชน์ของส่วนรวม

- รัฐคุมการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกรูปแบบ
- ไม่มีการแข่งขันเกิดขึ้น   
  -รัฐสั่งการผลิตคนเดียว
- มีการวางแผนจากส่วนกลาง
ข้อดีของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม คือ สร้างความเสมอภาคด้านฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคลในสังคม ประชาชนได้รับสวัสดิการจากรัฐบาลกลางโดยเท่าเทียมกันและสามารถกำหนดนโยบายเป้าหมายตามที่รัฐบาลกลางต้องการได้
ข้อเสียของระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม  คือ ประชาชนขาดแรงจูงใจในการทำงาน เศรษฐกิจของประเทศอาจเผชิญวิกฤติหากรัฐกำหนดความต้องการผิดพลาดและการไม่มีระบบแข่งขันแบบทุนนิยมทำให้ไม่มีการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ
ประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม เช่น เกาหลี ลาว เวียดนาม

4. ระบบเศรษฐกิจแบบผสม
ระบบเศรษฐกิจแบบผสม เป็นระบบเศรษฐกิจที่ผสมระหว่างระบบทุนนิยมกับสังคมนิยม มีรัฐเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตหรือควบคุมการผลิตขนาดใหญ่ แต่ปัจจัยการผลิตส่วนใหญ่เป็นของเอกชน การกำหนดราคาขึ้นกับกลไกแห่งราคาของตลาด 
ลักษณะสำคัญของระบบเศรษฐกิจแบบผสม ได้แก่
- เอกชนมีเสรีภาพ
- มีการแข่งขัน แต่รัฐอาจแทรกแซง การผลิตได้บ้าง
- รัฐดำเนินกิจการบางอย่างในรูปของรัฐวิสาหกิจ เช่น สาธารณูปโภค ( ไฟฟ้า ประปา )
- มีการวางแผนจากส่วนกลางและมีสวัสดิการจากรัฐ
ประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบผสม เช่น ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน กัมพูชา พม่า เป็นต้น

ภาคเศรษฐกิจ
ภาคครัวเรือน
ภาคธุรกิจ
ภาครัฐบาล

ขั้นตอน - ขั้นของการผลิต

ปฐมภูมิ -การสร้างวัตถุดิบ เช่น ประมง ปลูกพืช
ทุติยภูมิ -การแปรรูป
ตติยภูมิ -การบริการ

แรงงาน
อุปทานเเรงงานส่วนเกิน = เกิดการว่างงาน
อุปสงค์เเรงงานส่วนเกิน = ขาดเเคลนเเรงงาน

 
เศรษฐศาสตร์มหภาค  -ระดับประเทศ
      เป็นการศึกษาถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจส่วนรวม เช่น การ บริโภครวม การลงทุนรวม รายได้ประชาชาติ ระดับราคาสินค้าโดยทั่วไป ค่าใช้จ่ายของรัฐบาล อัตราการจ้างงานของประเทศ การเงินการธนาคาร การพัฒนาประเทศ ตลอดจนการค้าระหว่าง ประเทศ
เศรษฐศาสตร์จุลภาค -ระดับบุคคล
สาขาของเศรษฐศาสตร์ซึ่งศึกษาการตัดสินใจในระดับบุคคลหรือองค์กรธุรกิจ  เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวม อัตราเงินเฟ้อ อัตราการว่างงาน

สหกรณ์
องค์กรบุคลที่รวมตัวกันอย่างสมัคใจ โดนมีจุดมุ่งหมทนเพื่อดำเนินงานอย่างเดียวกัน เเบ่งปั่นผลประโยชน์กันตามหลักประชาธิปไตยมีด้วยกัน2ชนิด

•สหกรณ์ในภาคการเกษตร
-สหกรณ์นิคม จัดสรรที่ดินทำกิน
•สหกรนอกภาคการเกษตร
-สหกรณ์ร้านค้า ออมทรัพย์บริการ


บิดาสหกร โรเบิด ฮูเวิอร์ 

ของไทย กรมหมื่นฯ.สักอย่าง



สู้ๆครับเพื่อนๆไม่มีอะไรที่เราทำได้





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แนะนำตัวละคร เข้าอ่านหน่อยคับ

  เเนะนำตัวละครเเบบฉ่ำ สุเทษณ์ เป็นเทวดาที่เเอบรักนางมัทนามานานคับเเต่อาภัพรักไม่เคยได้สมหวังกับนางสักครั้ง เป็นคนครั่งรัก เเล้วก็ปากหวานม...